วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

คิดถึงแม่...แม่บัวนำ ปานพาน..คิดถึงอาจารย์ใหญ่









แม่บัวนำ ปานพาน สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย (ยอง)นับถือศาสนาพุทธ  เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2471 ตรงกับ วันพุธ เดือนสาม ปีเถาะ เกิด  ณ บ้านใหม่กอแฟน หมู่ที่     ตำบลทากาศ (ทาทุ่งหลวงในปัจจุบัน) อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
บิดาชื่อ นายเป็ง กิติกาศ อาชีพทำนา ถึงแก่กกรรมแล้ว
มารดาชื่อ นางจันทร์ กิติกาศ อาชีพทำนา ถึงแก่กรรมแล้ว
มีพี่น้องร่วมท้อง 2 คน คือ
1.       แม่บัวนำ ปานพาน
2.       พระครูพิทักษ์เจติยานุกิจ (อินสม จันทสาโร) มรณภาพแล้ว

การศึกษา

เข้าเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ ที่โรงเรียนบ้านทาเหมืองลึกคันธวงค์ประชารักษ์ ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่ออายุได้ 13 ปี เป็นเวลา 3 เดือน โดยเรียนเย็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ สัปดาห์ละ 3 วัน ความรู้พออ่านออกเขียนได้บ้างนิดหน่อยเพราะเรียนน้อยเต็มที สนใจในการเรียนรู้ด้านการทำงานมากกว่า เช่นการบ้าน การเรือน ปั่นฝ้าย ทอหูก การหาของป่าฯลฯ

ชีวิตสมรส

ได้สมรสกับพ่อน้อยอ้าย (จันทร์ตา)  ปานพาน  (ถึงแก่กรรม ปี พ.ศ.2534 บุตรนายแก้ว นางมี ปานพาน )เมื่ออายุได้ 20 ปี ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 5 ตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน มีบุตรชาย 2 คน บุตรหญิง 4 คน รวม 6 คน คือ
1.       1.นางอำพร   เจสะวะ    เรียนจบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และแกะสลัก
2.       นายประวรรตน์(วิชัย) ปานพาน เรียนจบประกาศนียบัตรโรงเรียนป่าไม้แพร่ และปริญญาตรี  รับราชการกรมป่าไม้ ตำแหน่งหัวหน้าด่านป่าไม้ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
3.       นางเฉลียว   ป๋ากาศ    เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน
4.       นางดอกไม้   ปานพาน    เรียนจบปริญญาตรี รับราชการครู โรงเรียนบ้านทาดอยแช่ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
5.       นายสุพล ปาพาน     เรียนจบประกาศนียบัตรวิชาสัตวแพทย์  กรมปศุสัตว์ และปริญญาตรีส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ รับราชการกรมปศุสัตว์ ตำแหน่ง สัตวแพทย์ 6 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย
6.       นางบัวผัด คำมโน   เรียนจบ ปวช. แผนกคหกรรม ทำงานแม่บ้าน

ชีวิตกับธรรมะ

ตอนที่ยังเป็นเด็กได้ติดตามยายไปวัดในหมู่บ้านและติดตามยายไปปฎิบัติธรรมกับครูบาศรีวิชัย ได้เดินเท้ารอนแรมถึงวัดบ้านปางอำเภอลี้ วัดพระธาตหริภุญชัย วัดพระธาตุดอยสุเทพ ฯลฯอีกประการหนึ่งแม่บัวนำมีน้องคือพระครูพิทักษ์เจติยานุกิจซึ่งบวชจำวัดอยู่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร   ทำให้แม่บัวนำที่พี่เป็นโยมอุปฐากอยู่ตลอดมีโอกาสปฎิบัติธรรมร่วมเสมอไม่ได้ขาด  ต่อมาหลังชีวิตสมรสก็ทำหน้าที่แม่บ้าน ช่วยสามีทำงานในไร่ นา สวน ทำอาหารเลี้ยง พ่อ แม่ สามีและลูกๆ เป็นคนขยัน อดทน คล่องแคล่ว ไม่พูดมาก แต่เด็ดขาด มีความคิดริเริ่ม ขวนขวายในการทำงานเพื่อหารายได้เสริม เพิ่มเติม รู้จักกะเหม็ดกะแหม่ ประหยัดกินใช้ทุกอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้าก็เย็บเอง ปะชุนเอง
    บางครั้งก็ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อหารายได้เพิ่ม ให้พอเพียงกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และให้ลูกๆไปโรงเรียน ต้องตื่นแต่เช้าและนอนดึกเกือบทุกๆ วัน และทำงานตลอดเวลายกเว้นเวลานอนหลับเท่านั้น
   สำหรับลูกๆ ทุกคนจะเชื่อฟังแม่ เพราะแม่ทำตัวเป็นตัวอย่างได้สมบูรณ์แบบ แม้จะไม่สั่งสอนพร่ำบ่นเหมือนแม่คนอื่นๆ แต่ลูกๆ ก็รู้สำนึกดี-ชั่ว เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลา แม่อุทิศตัวและหัวใจให้ลูกหมดแล้ว
   การปฎิบัติธรรม ปฎิบัติตามหลักศาสนาพุทธ  มีการไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาทุกเช้า ทุกเย็น มีชีวิตเรียบง่ายตามธรรมชาติ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ชอบเล่นการพนัน และอบายมุขต่างๆ หมาก พลู บุหรี่หรือเมี่ยงก็งดหมด ไม่ชอบใส่เครื่องประดับใดๆ ไปนอนวัดรักษาอุโบสถศีลทุกวันพระ เมื่อเข้าพรรษาทุกๆปี ก็ชักชวนลูกหลานให้เข้าวัดปฎิบัติธรรม ตามอย่างตนเอง แต่ไม่ได้บังคับแล้วแต่บุญกรรมของแต่ละคน
   คติธรรม ของแม่บัวนำ
ไผว่าบ่ยินฮ้าย ไผว่าบ่ยินดี

ปรัชญาในการดำเนินชีวิต

1.       ขยัน อดทน
2.       คบคนดี
3.       มีความซื่อสัตย์
4.       เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
5.       รู้จักปล่อยวาง ว่าง สงบ

บันทึกการเล่าประวัติแม่โดย ……ดอกไม้  ปานพาน






วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิถีชีวิตล้านนา...ฝากลูกหลานล้านนาอย่าเลยละ



เมืองเหนือล้านนาผญาหลายนัก
เพื่อนพ้องน้องฮักจะขอขยาย
การกินอยู่นั้นเฮาแสนสบาย
บ่อว่าญิงจายขอเจิญฟังเนอ



ไม้กานหาบเปียดสะปายถุงย่าม
 ผ้าซิ่นผืนงามทอใส่เสมอ
 ตึงญิงตึงจายมีงานได้เจอ
 ช่วยกันแต๊เนอหมู่จาวบ้านเฮา


ช่วยสืบสานฮีตฮอยตี๊ดีหลาย
 มีมากมายโกมผญาดั่งเก๊าเสา
 ฮักท้องถิ่นบ้านเมืองเนื่องนานเนา
 บ่อมีเส้าหายสูญมากมูนมา


การอยู่กินมีธรรมนำจีวิต
 ฮู้จักคิดดัดแปลงแลสรรหา
 ของใดดีเก็บไว้ใช้อย่าต้อดลา
 ประยุกต์มาแถมใหม่หื้อดีดี..


กำอู้จ๋าภาษิตจำมาใช้
 ดนตรีไทยล้านนาเคยดีดสี
 ฟังสะล้อซอซึงม่วนเต็มที
 ฟังจ้อยซอน้องปี้ม่วนนักแก



ฝากลูกหลานล้านนาอย่าเลยละ
ของสะป๊ะของปู่ย่าและพ่อแม่
จ้วยเตื่อมตุ้มกันพ่องหนาหมั่นดูแล
หื้อเผยแพร่สู่สากลคนล้านนา

รักกันวันนี้ดีกว่า 13 มิถุนายน 2011 เวลา 7:55 น.

รักกันวันนี้ดีกว่า


 ฝึกหายใจให้โล่งโปร่งสมอง
ตามครรลองแห่งธรรมนำเกิดผล
ก่อนฟ้าสางตะวันมาเยี่ยมยล
อดีตพ้นปัจจุบันให้มั่นคง

ฝึกสติคู่กายทุกท่วงท่า
ให้รู้ว่าเกิด-ดับรับเนื่องส่ง
ทุกชีวิตต่างต้องครองดำรง
กรรมหนุนส่งทุกเวลานาทีทอง

แสงสีทองเปี่ยมพลังยังคู่ฟ้า
อนิจจาเวียนวนคนเที่ยวท่อง
มีอายุวันเดือนเคลื่อนทำนอง
จะเกี่ยวข้องปองคิดติดสิ่งใด

รักวันนี้ทำวันนี้ให้มีค่า
ก่อนจะลาล่วงผันสู่วันใหม่
อนาคตกาลเบิกบานใจ
ก็ฝากไว้ที่ทำดีวันนี้เอย..

อกหักไม่ยักกะตาย


 เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน
ล่วงเลยกาลน้ำตาลก็ว่าขม
ที่ดีดีเคยรักเคยชื่นชม
กลับระทมไร้ค่าไม่น่ามอง

จึงเปลี่ยนแปรท่าทีเคยมีรัก
ให้พิงพักใส่ใจไม่มัวหมอง
กลับละเลยให้ช้ำน้ำตานอง
ที่ยกย่องกลับเยาะว่าน่าเบื่อจริง

จึงรู้สึกปวดร้าวราวไข้เจ็บ
ทั้งหนาวเหน็บหวิวไหวเสียใจยิ่ง
เหมือนโลกแตกพังไปใจประวิง
เขามีหญิงคนใหม่สดใสแทน

อนิจจาอกหักเมื่อรักคุด
ดังสะดุดหนามไหน่ใจปวดแสน
จำหักใจลาร้างห่างดินแดน
ไม่มีแฟนอกหักไม่ยักตาย....

รักดีดีมีอีกเพียบ

  
แม้กังวลหม่นหมองต้องจำพราก
รักเขามากเพียงไรใจจำฝืน
เสริมหัวใจด้วยใยเหล็กเพื่อหยัดยืน
รักอย่างอื่นดีดีมีถมไป

แปรใจรักหักเหทำเฉไฉ
รักต่อไปเช่นเพื่อนยังพอไหว
ปรารถนาดีต่อมิท้อใจ
รักอย่างใหม่หวังดีมีให้กัน

รักพ่อแม่พี่น้องและผองเพื่อน
มิแชเชือนรักชาติศาสนา
รักลูกหลานบ้านเรือนและรถรา
รักมีค่าประเสริฐล้ำเลิศเลอ

รักต้นไม้ใบหญ้ารักป่าเขา
รักโลกเราถิ่นฐานสุขเสมอ
ดุแลรักทุกวันอย่าเผอเรอ
อย่าพร่ำเพ้อรักแต่ตนอับจนใจ...

อกหักเล็กๆ เมื่อรู้สึกว่าอกหัก.....



อัดอั้นตันอุราพาสะท้าน

และแล้วม่านน้ำตาก็พร่าไหล

แม้ยอมรับความจริงซึ้งแก่ใจ

ถึงอย่างไรก็เหน็บเจ็บร้าวทรวง



...เธอคนดีเขาคนดีสมที่รัก

ให้สมัครครองใจไว้ห่วงหวง

ได้ภิรมย์ชมชื่นยามคู่ควง

สุขในห้วงใจสองคล้องสัมพันธ์



ใยปิดบังซ่อนเร้นยังเป็นเพื่อน

ยังเสมือนเดิมก่อนมิแปรผัน

ยังยินดีเสมอแม้จากกัน

ร่วมทางฝันสรรค์สร้างมีร้างลา



แม้เลยกาลนานเนิ่นใครเมินหมาง

จะสะสางเสริมใจให้แน่นหนา

ล้มก็ลุกเจ็บช้ำธรรมดา

ขอเดินหน้ากล้าสู้อยู่ต่อไป..



ดวงดอกไม้

๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ใต้ร่มไทรเป็นร่มธรรมสื่อนำชีวี...... ×××× ณ ลานไทรลานนี้ที่เรียนเล่น ยังงามเด่นยืนต้นเป็นสง่า ศิษย์ทุกคนยามได้แวะเวียนมา จากละอ่อนเติบกล้ายังจดจำ

ณ ลานไทรลานนี้ที่เรียนเล่น ยังงามเด่นยืนต้นเป็นสง่า 
ศิษย์ทุกคนยามได้แวะเวียนมา จากละอ่อนเติบกล้ายังจดจำ

ปลูกผักรักสุขภาพ ××××...


รูปภาพ : ปลูกผักรักแผ่นดินได้กินอยู่
จึงเรียนรู้ธรรมชาติสะอาดใส
พึ่งตนเองฝึกตนจนปลอดภัย
ต่างอาศัยความขยันหมั่นทำกิน

อากาศดีไม่มีพิษจิตสดใส
ทำสวนผักนาไร่ใจผ่องศรี
ใช้ปุ๋ยหมักปลูกผักแบบอินทรีย์
ได้ผลดีปลอดภัยไร้ทุกข์จน
ฝึกฝนตนอดทนคนพอเพียง
ปลูกผักหญ้าหาเลี้ยงมีคุณค่า
ตามประสาคนดีมีปัญญา
ไม่รอช้าเราทำไปใจสุขจริง

ปลูกผักรักแผ่นดินได้กินอยู
จึงเรียนรู้ธรรมชาติสะอาดใส
พึ่งตนเองฝึกตนจนปลอดภัย
ต่างอาศัยความขยันหมั่นทำกิ

ไม่ต้องแต่งสวยเลิศเลอ ขอรักเธอแนบแอบอิง อย่าหวั่นไหวนะยอดหญิง ฉันรักสิ่งที่เป็นเธอ


ขอหน้าจริงนะที่รัก
จะฟูมฟักและถนอม
ไม่อยากได้เธอจอมปลอม
ใจฉันพร้อมรับหน้าจริง
ไม่ต้องแต่งสวยเลิศเลอ
ขอรักเธอแนบแอบอิง
อย่าหวั่นไหวนะยอดหญิง
ฉันรักสิ่งที่เป็นเธอ

ไม่รู้ว่ารักทำไม แต่หัวใจก็ยังรัก ถึงแม้เสี่ยงยิ่งนัก เกินจะหักห้ามอาลัย


ไม่รู้ว่ารักทำไม
แต่หัวใจก็ยังรัก
ถึงแม้เสี่ยงยิ่งนัก
เกินจะหักห้ามอาลัย
ไม่มีข้อหวงห้าม
ไร้เขตคามห้ามหวั่นไหว
เตรียมตัวเตรียมหัวใจ
รักอย่างไรไม่ทุกข์ทน

มีคำถามมากมายจากปากน้อยๆ อธิบายกันไม่รู้จบสิ้นเป็นความสุขนะเขาอยากรู้ อยากเห็นเราก็สาธยายสนุกปากไปเลยค่า

รูปภาพ : รอหลวงผัด ชมธรรมชาติไปพลางๆก่อนรูปภาพ : เตรียมพร้อมไปโรงเรียนแล้วครับ

กาหลงหลงรักเจ้าแสนงาม บานเด่นขาวทุกยามค่ำเช้า หลงทางยังคืนได้สู่เหย้า หลงจิตคืนยากแท้จักลืม


รูปภาพ : กาหลงหลงรักเจ้าแสนงาม
บานเด่นขาวทุกยามค่ำเช้า
หลงทางยังคืนได้สู่เหย้า
หลงจิตคืนยากแท้จักลืม
กาหลงหลงรักเจ้าแสนงาม
บานเด่นขาวทุกยามค่ำเช้า
หลงทางยังคืนได้สู่เหย้า
หลงจิตคืนยากแท้จักลืม

มะเร็ง...หากดำรงจิตมั่นไม่หวั่นไหว เพียรเกาะกลุ่มทำดีนี้ต้านภัย

มะเร็งร้าย..

ใกล้รุ่งรางทางนั้นฉันเพิ่งพบ
ทางสงบคบคุ้นอบอุ่นเผย
ธรรมชาติธรรมดาถ้าเปรียบเปรย
เปลี่ยนแผนเชยตักตวงล้วงตับไต

เพ่งพินิจความคิดจิตเหลิงหลง
หากดำรงจิตมั่นไม่หวั่นไหว
เพียรเกาะกลุ่มทำดีนี้ต้านภัย
แม้ว่าใครจะกระทำกรรมของมัน

หากคนดีดีใดใจประเสริฐ
หากว่าเปิดเสื้อหลังยังพลิกผัน
เมื่อน้ำลดตอผุดโผล่ตามกัน
ไหนใครสรรค์สร้างค่าว่าเลิศเลอ

อนิจจังยังไงหนีไม่พ้น
ต้องทุกข์ทนหม่นไหม้อย่าได้เผลอ
หมดอำนาจเมื่อใดคงได้เจอ
คงต้องเพ้อโอ้เวรกรรมอย่าซ้ำเลย

ยามะเร็งฆ่าเชื้อเพื่อยับยั้ง
กลับรุงรังกำเริบสุดจะเอ่ย
มะเร็งร้ายหายสิ้นคนไม่เงย
ตาอยู่เผยเล่ห์ร้ายก็คล้ายคลึง

เมื่อป่วยมากเรื้อรังหมอสุดรั้ง
หมดความหวังเยียวยาอนาถา
หนทางเดียวทำใจอเวรา
ฝืนชะตาคงสุดฝืนกล้ำกลืนทน..

ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๗

มาโรงเรียนใต้ถุนครูบัวผัด บ้านหนองยังฟ้า แม่ทา ลำพูน วันเสาร์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๗


"เมื่อก่อนผมคิดว่าความสุขที่แท้คือการแสวงหาความมั่นคง ตอนนั้น ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า คนไข้คือแหล่งหารายได้ของเรา ยิ่งมีมาก ยิ่งอยากได้มาก ไม่มีที่สิ้นสุด..................
เดี๋ยวนี้ผมเห็นว่าความสุขที่แท้ คือการช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยาก"
นพ.ริชาร์ด เทีย(Richard Teo) สิงคโปร์

 รูปภาพ : สวัสดีครับ
เหมียวมาแอบดูนักเรียนน้อยๆ
รูปภาพ : Good morning Meaw

"เมื่อก่อนผมคิดว่าความสุขที่แท้คือการแสวงหาความมั่นคง ตอนนั้น ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า คนไข้คือแหล่งหารายได้ของเรา ยิ่งมีมาก ยิ่งอยากได้มาก ไม่มีที่สิ้นสุด..................
เดี๋ยวนี้ผมเห็นว่าความสุขที่แท้ คือการช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยาก"
นพ.ริชาร์ด เทีย(Richard Teo) สิงคโปร์
รูปภาพ : สวัสดีวันสีม่วง
ยังรักห่วงอยู่เสมอ
ฝันว่าได้พบเจอ
ยังวิ่งไล่ตามไม่ทัน...อยู่ดี..อิอิ
สวัสดีวันสีม่วง
ยังรักห่วงอยู่เสมอ
ฝันว่าได้พบเจอ
ยังวิ่งไล่ตามไม่ทัน...อยู่ดี..อิอิ

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตัดเลยๆ ฉับๆๆ



บนถนนเส้นทางคดเคี้ยว
ชีวิตถูกเคี่ยวจนเข้มแข็ง
หนามไหน่มากมายทิ่มแทง
ทนแกร่งใจกล้าสู้ฝ่าฟัน

มีเพียงร่างกายใจเด็ดเดี่ยว
มิเหลียวแลหลังครั้งฝัน
เรื่องราวมากมายสารพัน
ลืมมันให้สิ้นกลิ่นไอ

ตัดรักหักใจไกลชั่ว
พาตัวถอยห่างสว่างใส
แม้ต้องปวดเหน็บเจ็บใจ
อยู่ไปโง่งมจมนาน

ยินดีคำหวานหว่านล้อม
จอมปลอมลุ่มหลงน่าสงสาร
กว่ารู้ก็ช้ำทรมาน
พ้นผ่านครานี้หนอพอเสียที

ดอกไม้ น้ำค้าง แสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน

อโหสิ


สัญญากับใจ
ลืมไปหมดหนอ
มันมากเกินพอ
ไม่ขอกร้ำกราย

ไม่เคยรู้จัก
ไม่เคยทักทาย
ไม่มีความหมาย
สายลมผ่านเลย

ปล่อยไปเสียบ้างช่างมัน


แสนล้าเบื่อหน่ายใคร่หนี
โลกที่วุ่นวายสับสน
อยากลาจากไกลผู้คน
ให้พ้นผ่านลับไม่กลับมา

เป็นไปได้หนอมนุษย์
ยื้อยุดสิ่งสมปรารถนา
เมื่อได้ดั่งหวังตั้งตา
ชีวาเริงรื่นชื่นใจ

พลาดหวังจากสิ่งที่หวัง
หมดพลังทรุดพลันหวั่นไหว
เราหยุดสู้รบสงบใจ
ปล่อยไปเสียบ้างช่างมัน

ดอกไม้ น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน

เริ่มวันใหม


ฉากลิเกถูกลากเปลี่ยนฉากแล้ว
ณ ที่แนวชายป่าที่อาศัย
ตะวันทอแสงทองผ่องอำไพ
เริ่มวันใหมวันนี้แสนดีจัง

ความรักธรรมชาติสะอาดสวย
ต่างชูช่วยดูแลเสริมความหวัง
ใต้ร่มฟ้าป่าเขาร่มเงาบัง
มิหยุดยั้งออกเดินทางสร้างชีวา

ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรมลำพูน

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มิมัวเมาทำวันนี้ให้ดีเอย

ฉันวังเวงเย็นเฉียบสุดเงียบเหงา
มองเห็นเงาบาปนั้นแสนหวั่นไหว
เหล่าคนผู้ผิดพลาดอนาถใจ
หารู้ไม่ยังทะนงหลงลืมตน 

หลงว่าไฟสวยงามน่าเชยชิด
หลงชีวิตลืมเวลาลืมเหตุผล
หลงว่าสุขที่แท้แสนทุกข์ทน
มิอาจพ้นบ่วงโลกีย์ที่ดักลวง...
การคิดอ่านอาศัยใจสว่าง
หากเราวางปลดปล่อยค่อยแก้ไข
คงไม่ยากไม่นานผ่านพ้นไป
ประสบการณ์เป็นกำไรชีวิตเรา

อดีตคือวันวานผ่านไปแล้ว
อนาคตแน่แน่วยังว่างเปล่า
กังวลไยเวลาเนิ่่นนานเนา
มิมัวเมาทำวันนี้ให้ดีเอย

เหงา

ใกล้เย็นย่ำค่ำลงพะวงหาย
แสนเสียดายใจปองต้องอับเฉา
ป่านฉะนี้ที่นี่เหลือเพียงเรา
นั่งจับเจ่าสุดท้อทรมาน

รักกี่ครั้งกี่คราก็ลาหนี
ความใยดีไม่เหลือเชื้อสงสาร
ตะวันอับลับแสงทิวาวาร
ราตรีกาลมืดมิดปลิดขั้วใจ

คืนฝนพรำ

คืนฝนพรำ...

ฟังเสียงฝนตกพรำค่ำคืนนี้
เย็นสุดที่บรรยายเย็นสายฝน
ตกมาเถิดฝนฟ้าอย่ายินยล
นอกถนนอึ่งอ่างมาล่าเม่ากิน

ตกดึกแล้วฟังเพลงประสานเสียง
เป็นสำเนียงสวดดั่งคีตศิลป์
ฝนหลั่งมาน้ำตาข้าไหลริน
คิดถึงถิ่นจากมาสุดอาวรณ์

ดอกไม้ น้ำค้าง แสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน