ดอกไม้ น้ำค้าง แสงแดด
พี่สาวชอบเขียนกลอน มากมายแบบว่าคิดไปพิมพ์ในเวบต่างๆ ผมเสียดายก็เลยนำมารวมๆกันไว้ครับ อ่านเล่นกันสนุก จรรโลงใจนะครับ
วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558
โครงการสร้างสุข
โครงการสร้างสุข
จับตัวทุกข์มาชำแหละถึงเบื้องหลัง
จับมันขังเพ่งดูเหตุไฉน
ใยจึงทุกข์ปัญหาคืออะไร
จริงหรือไม่คิดเองเคร่งเครียดเกิน
ไม่มีใครอยากเดือดร้อนลองย้อนคิด
ทุกชีวิตปรารถนาสุขสรรเสริญ
เกิดมาย่อมมีบ้างใช่บังเอิญ
บนทางเดินกันดารต้องทานทน
ยอมรับว่ามันเป็นเช่นนี้เอง
เป็นบทเพลงธรรมดาพาสับสน
มนุษย์เรามีกรรมเป็นของตน
จึงรับผลที่กระทำมาย้ำเตือน
อยู่ที่ใจตีค่าราคาไว้
สุดสำคัญแค่ไหนหาใดเหมือน
ใจจะทุกข์จะสุขเป็นเจ้าเรือน
ย่อมกระเทือนยามกระทบสบเหตุการณ์
เพราะกลัวจนกลัวเจ็บกลัวป่วยไข้
คนจึงไร้ความสุขทุกข์สังขาร
ธรรมดาเกิดตายหรือวายปราณ
อยู่วิมานหรือกระท่อมย่อมสิ้นลม
สร้างโครงการสถานที่ให้ดีเลิศ
สมที่เกิดเป็นมนุษย์สุดเหมาะสม
มีกายหยาบสร้างกุศลชนนิยม
เพียรเพ่งลมด้วยสติดำริตรง...
ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน
๙ มีนาคม ๒๕๕๘
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558
อดีตกาล
อดีตกาล
สลักหลังดังรอยสักยากจะลบ
ต่อให้กลบเกลื่อนฝังยังโผล่เห็น
รักฤๅชังบางคราช่างยากเย็น
เกิดประเด็นเพราะใครหนึ่งซึ่งโลเล
เกิดเพราะหลงพะวงคงรักห่าง
คิดอำพรางพร่างฝันปันร้อยเล่ห์
ชีวิตจริงมิใช่เล่นลิเก
หลงทุ่มเทรักให้ในจินตนา
ควรระวังตั้งจิตคิดรอบคอบ
กับคำตอบวอนเว้าเฝ้าห่วงหา
เพียงเพื่อคลายความเหงาในเวลา
หวังใดหนาความรักใคร่ใช่แน่นอน
ได้พักพิงอิงแอบแนบในอก
หลงเพ้อพกอารมณ์พรมอักษร
อุ่นอ้อมกอดกระชับรับเพลงกลอน
ต่อถ้อยก่อนฝันดีมีคู่เคียง
ยามรัญจวนหวนหาพาใจป่วน
เฝ้าคร่ำครวญความหลังหวังยินเสียง
อ้างดินฟ้าอากาศอ้างสำเนียง
ลมล้อเคียงหลิวลู่สู้รำพัน
ลืมตัวตนลืมคนใกล้ลืมใครหมด
สุดรันทดใฝ่หาความสุขสันต์
หลงใหลในมนต์รักสลักยันต์
ทุกคืนวันร่ำร้องก้องโลกา
ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน
๗ มีนาคม ๒๕๕๘
เรื่องรักเรื่องฝันบางทีมันก็ตลก
เรื่องหักอกมันก็เรื่องธรรมดา
แต่หลงจินตนาการนี่สิ...คิดหนัก
ไม่รู้จักลืม......อดีตกาล..........
เพื่อนเอย
เพื่อนเอย
เพื่อนเอยเพื่อน.......
ไม่ลบเลือนเตือนติงสิ่งพลาดหวัง
ผ่านพ้นไปล้วนแล้วอนิจจัง
ใช่จีรังยั่งยืนฝืนสัจธรรม
ความเป็นเพื่อน....
กี่ปีเดือนผ่านไม่บ่นพร่ำ
เคียงข้างใจขอบอกไม่หลอกอำ
พูดและทำจริงจังและหวังดี
ไม่ลบเลือนเตือนติงสิ่งพลาดหวัง
ผ่านพ้นไปล้วนแล้วอนิจจัง
ใช่จีรังยั่งยืนฝืนสัจธรรม
ความเป็นเพื่อน....
กี่ปีเดือนผ่านไม่บ่นพร่ำ
เคียงข้างใจขอบอกไม่หลอกอำ
พูดและทำจริงจังและหวังดี
วันนี้วันดีสีม่วงสดใส
พักผ่อนหย่อนใจกันเถิดหนอ
เติมรักเอมอิ่มยิ้มให้พอ
ฟื้นไฟฝันจันทร์พรุ่งมุ่งทำงาน
วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558
ท้องนา...
ท้องนา.....
ท้องนาบ้านเรา
นานเนาแสนสุข
สังคมเมืองรุก
ความทุกข์ตามมา
แก่งแย่งแข่งขัน
สารพันปัญหา
หลงเทิดบูชา
แต่ความร่ำรวย
คนจึงเปลี่ยนไป
แล้งไร้ใจช่วย
ไม่เอื้ออำนวย
ตัวใครตัวมัน....
ร้อนๆๆๆ
ศิลปะ โรงเรียนใต้ถุนบ้าน
มองมอง
มอง
มองสินั่นพระจันทร์งามเด่น
ดึกแล้วเย็นพัดพรมลมวูบไหว
ผิวดินร้อนเริ่มอ่อนค่อยผ่อนคลาย
เสียงหรีดหริ่งเรไรก้องกังวาน
มองฟ้าดำค่ำคืนฝืนสะท้อน
ดวงดาวค่อนฟ้าพราวพริบวิบหวาน
เหมือนจะบอกสัญญาราตรีกาล
รักเกินต้านอารมณ์ข่มความอาย
มองเห็นภาพร้านรวงไฟหรี่หลบ
ใกล้สงบเสียงแสงราตรีฉาย
ขี้เมาค่อยย่องแย่งเดินเยื้องกาย
ยังไม่วายบ่นว่าข้าไม่เมา
ภาพหนุ่มสาวเร้ารุมกุมมือมั่น
ฤๅจะหวั่นเกรงภัยในความเหงา
มีคู่ชิดเคียงข้างหวังบรรเทา
ลืมความเศร้าที่ผ่านมานานวัน
มองพุ่มไม้คล้ายปีศาจราตรีจ้อง
บางครั้งมองเหมือนจับขยับสั่น
ดำทะมึนไกลไกลไหวเอนพลัน
ยืนใจสั่นลืมตัวมิกลัวเกรง
ภาพวาบไหวใจรัวกลัวและกล้า
เหมือนจะท้าบ้าใบ้ใช่ข่มเหง
ในสำนึกลึกล้ำอาจยำเยง
คือบทเพลงสอนใจให้ระวัง
ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน
๗ มีนาคม ๒๕๕๘
เช้าเช้า
เช้าอีกวัน
เสียงไก่ขันกระชั้นเสียงสำเนียงบอก
นกเตรียมออกหากินบินร่อนหา
แหล่งที่มีกุ้งหอยและปูปลา
ดูเหมือนว่าน้ำแห้งขอดตลอดธาร
แล้งครานี้ร้อนหนักมิพักฝน
จะอดทนไฉนในสังขาร
ร้อนเหลือทนจำสู้ฤดูกาล
ให้พ้นผ่านโรคภัยไข้มากมี
มลพิษควันไฟป่าพามืดมัว
เกิดฟ้าหลัวหมอกควันกันทุกที่
ช่วยกันเถิดกันภัยไฟอัคคี
รวมพลังน้องพี่ประชาชน
รักษาตนพ้นภัยก็แสนยาก
ความลำบากมากมีทุกแห่งหน
ทั้งร้อนหนาวชาวบ้านต้านผจญ
เกิดเป็นคนบนโลกโศกมิคลาย
ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน
๘ มีนาคม ๒๕๕๘
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ มวลมิตรสุขหรรษา วันหยุดสุดสัปดาห์ อยู่พร้อมหน้าครอบครัวเอย
คิดดูเถิด
เกิดเป็นคนแสนยากกว่าจะเกิด
บุญล้ำเลิศทำไว้ภูมิใจหนา
ชีวิตคนทุกคนมีราคา
และคุณค่าในตนคนสำคัญ
แม้หน้าที่เกิดมาจะแตกต่าง
พื้นที่วางว่างลงคงจัดสรร
แล้วแต่บุญแต่กรรมทำมากัน
เกิดมานั้นเพื่อทำดีสุดชีวา
อาจจะรวยยากจนหรือพอเพียง
มิอาจเลี่ยงปวดเจ็บทุกข์ปัญหา
เมื่อเดินทางชีวิตพิจารณา
ต้องสู้ฝ่าผจญภยันอันตราย
คิดถึงคนที่รักและหวังดี
อุทิศพลีเพื่อเราทุ่มเทหมาย
ให้สำเร็จลุล่วงห่วงมิวาย
ผลสุดท้ายปลายทางอย่างงดงาม......
ดอกไม้น้ำค้างแสงแดด
ใบหญ้าอาศรม ลำพูน
๘ มีนาคม ๒๕๕๘
วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557
คิดถึงแม่...แม่บัวนำ ปานพาน..คิดถึงอาจารย์ใหญ่
แม่บัวนำ ปานพาน สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย (ยอง)นับถือศาสนาพุทธ เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2471 ตรงกับ วันพุธ เดือนสาม ปีเถาะ เกิด ณ บ้านใหม่กอแฟน หมู่ที่ ตำบลทากาศ (ทาทุ่งหลวงในปัจจุบัน) อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
บิดาชื่อ นายเป็ง กิติกาศ อาชีพทำนา ถึงแก่กกรรมแล้ว
มารดาชื่อ นางจันทร์ กิติกาศ อาชีพทำนา ถึงแก่กรรมแล้ว
มีพี่น้องร่วมท้อง 2 คน คือ
1. แม่บัวนำ ปานพาน
2. พระครูพิทักษ์เจติยานุกิจ (อินสม จันทสาโร) มรณภาพแล้ว
การศึกษา
เข้าเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ ที่โรงเรียนบ้านทาเหมืองลึกคันธวงค์ประชารักษ์ ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่ออายุได้ 13 ปี เป็นเวลา 3 เดือน โดยเรียนเย็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ สัปดาห์ละ 3 วัน ความรู้พออ่านออกเขียนได้บ้างนิดหน่อยเพราะเรียนน้อยเต็มที สนใจในการเรียนรู้ด้านการทำงานมากกว่า เช่นการบ้าน การเรือน ปั่นฝ้าย ทอหูก การหาของป่าฯลฯ
ชีวิตสมรส
ได้สมรสกับพ่อน้อยอ้าย (จันทร์ตา) ปานพาน (ถึงแก่กรรม ปี พ.ศ.2534 บุตรนายแก้ว นางมี ปานพาน )เมื่ออายุได้ 20 ปี ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 5 ตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน มีบุตรชาย 2 คน บุตรหญิง 4 คน รวม 6 คน คือ
1. 1.นางอำพร เจสะวะ เรียนจบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และแกะสลัก
2. นายประวรรตน์(วิชัย) ปานพาน เรียนจบประกาศนียบัตรโรงเรียนป่าไม้แพร่ และปริญญาตรี รับราชการกรมป่าไม้ ตำแหน่งหัวหน้าด่านป่าไม้ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
3. นางเฉลียว ป๋ากาศ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน
4. นางดอกไม้ ปานพาน เรียนจบปริญญาตรี รับราชการครู โรงเรียนบ้านทาดอยแช่ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
5. นายสุพล ปาพาน เรียนจบประกาศนียบัตรวิชาสัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ และปริญญาตรีส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ รับราชการกรมปศุสัตว์ ตำแหน่ง สัตวแพทย์ 6 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย
6. นางบัวผัด คำมโน เรียนจบ ปวช. แผนกคหกรรม ทำงานแม่บ้าน
ชีวิตกับธรรมะ
ตอนที่ยังเป็นเด็กได้ติดตามยายไปวัดในหมู่บ้านและติดตามยายไปปฎิบัติธรรมกับครูบาศรีวิชัย ได้เดินเท้ารอนแรมถึงวัดบ้านปางอำเภอลี้ วัดพระธาตหริภุญชัย วัดพระธาตุดอยสุเทพ ฯลฯอีกประการหนึ่งแม่บัวนำมีน้องคือพระครูพิทักษ์เจติยานุกิจซึ่งบวชจำวัดอยู่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ทำให้แม่บัวนำที่พี่เป็นโยมอุปฐากอยู่ตลอดมีโอกาสปฎิบัติธรรมร่วมเสมอไม่ได้ขาด ต่อมาหลังชีวิตสมรสก็ทำหน้าที่แม่บ้าน ช่วยสามีทำงานในไร่ นา สวน ทำอาหารเลี้ยง พ่อ แม่ สามีและลูกๆ เป็นคนขยัน อดทน คล่องแคล่ว ไม่พูดมาก แต่เด็ดขาด มีความคิดริเริ่ม ขวนขวายในการทำงานเพื่อหารายได้เสริม เพิ่มเติม รู้จักกะเหม็ดกะแหม่ ประหยัดกินใช้ทุกอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้าก็เย็บเอง ปะชุนเอง
บางครั้งก็ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อหารายได้เพิ่ม ให้พอเพียงกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และให้ลูกๆไปโรงเรียน ต้องตื่นแต่เช้าและนอนดึกเกือบทุกๆ วัน และทำงานตลอดเวลายกเว้นเวลานอนหลับเท่านั้น
สำหรับลูกๆ ทุกคนจะเชื่อฟังแม่ เพราะแม่ทำตัวเป็นตัวอย่างได้สมบูรณ์แบบ แม้จะไม่สั่งสอนพร่ำบ่นเหมือนแม่คนอื่นๆ แต่ลูกๆ ก็รู้สำนึกดี-ชั่ว เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลา แม่อุทิศตัวและหัวใจให้ลูกหมดแล้ว
การปฎิบัติธรรม ปฎิบัติตามหลักศาสนาพุทธ มีการไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาทุกเช้า ทุกเย็น มีชีวิตเรียบง่ายตามธรรมชาติ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ชอบเล่นการพนัน และอบายมุขต่างๆ หมาก พลู บุหรี่หรือเมี่ยงก็งดหมด ไม่ชอบใส่เครื่องประดับใดๆ ไปนอนวัดรักษาอุโบสถศีลทุกวันพระ เมื่อเข้าพรรษาทุกๆปี ก็ชักชวนลูกหลานให้เข้าวัดปฎิบัติธรรม ตามอย่างตนเอง แต่ไม่ได้บังคับแล้วแต่บุญกรรมของแต่ละคน
คติธรรม ของแม่บัวนำ
“ไผว่าบ่ยินฮ้าย ไผว่าบ่ยินดี”
ปรัชญาในการดำเนินชีวิต
1. ขยัน อดทน
2. คบคนดี
3. มีความซื่อสัตย์
4. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
5. รู้จักปล่อยวาง ว่าง สงบ
บันทึกการเล่าประวัติแม่โดย ……ดอกไม้ ปานพาน
วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วิถีชีวิตล้านนา...ฝากลูกหลานล้านนาอย่าเลยละ
เมืองเหนือล้านนาผญาหลายนัก
เพื่อนพ้องน้องฮักจะขอขยาย
การกินอยู่นั้นเฮาแสนสบาย
บ่อว่าญิงจายขอเจิญฟังเนอ
ไม้กานหาบเปียดสะปายถุงย่าม
ผ้าซิ่นผืนงามทอใส่เสมอ
ตึงญิงตึงจายมีงานได้เจอ
ช่วยกันแต๊เนอหมู่จาวบ้านเฮา
ช่วยสืบสานฮีตฮอยตี๊ดีหลาย
มีมากมายโกมผญาดั่งเก๊าเสา
ฮักท้องถิ่นบ้านเมืองเนื่องนานเ นา
บ่อมีเส้าหายสูญมากมูนมา
การอยู่กินมีธรรมนำจีวิต
ฮู้จักคิดดัดแปลงแลสรรหา
ของใดดีเก็บไว้ใช้อย่าต้อดลา
ประยุกต์มาแถมใหม่หื้อดีดี..
กำอู้จ๋าภาษิตจำมาใช้
ดนตรีไทยล้านนาเคยดีดสี
ฟังสะล้อซอซึงม่วนเต็มที
ฟังจ้อยซอน้องปี้ม่วนนักแก
ฝากลูกหลานล้านนาอย่าเลยละ
ของสะป๊ะของปู่ย่าและพ่อแม่
จ้วยเตื่อมตุ้มกันพ่องหนาหมั่นด ูแล
หื้อเผยแพร่สู่สากลคนล้านนา
รักกันวันนี้ดีกว่า 13 มิถุนายน 2011 เวลา 7:55 น.
ฝึกหายใจให้โล่งโปร่งสมอง
ตามครรลองแห่งธรรมนำเกิดผล
ก่อนฟ้าสางตะวันมาเยี่ยมยล
อดีตพ้นปัจจุบันให้มั่นคง
ฝึกสติคู่กายทุกท่วงท่า
ให้รู้ว่าเกิด-ดับรับเนื่องส่ง
ทุกชีวิตต่างต้องครองดำรง
กรรมหนุนส่งทุกเวลานาทีทอง
แสงสีทองเปี่ยมพลังยังคู่ฟ้า
อนิจจาเวียนวนคนเที่ยวท่อง
มีอายุวันเดือนเคลื่อนทำนอง
จะเกี่ยวข้องปองคิดติดสิ่งใด
รักวันนี้ทำวันนี้ให้มีค่า
ก่อนจะลาล่วงผันสู่วันใหม่
อนาคตกาลเบิกบานใจ
ก็ฝากไว้ที่ทำดีวันนี้เอย..
อกหักไม่ยักกะตาย
เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน
ล่วงเลยกาลน้ำตาลก็ว่าขม
ที่ดีดีเคยรักเคยชื่นชม
กลับระทมไร้ค่าไม่น่ามอง
จึงเปลี่ยนแปรท่าทีเคยมีรัก
ให้พิงพักใส่ใจไม่มัวหมอง
กลับละเลยให้ช้ำน้ำตานอง
ที่ยกย่องกลับเยาะว่าน่าเบื่อจร ิง
จึงรู้สึกปวดร้าวราวไข้เจ็บ
ทั้งหนาวเหน็บหวิวไหวเสียใจยิ่ง
เหมือนโลกแตกพังไปใจประวิง
เขามีหญิงคนใหม่สดใสแทน
อนิจจาอกหักเมื่อรักคุด
ดังสะดุดหนามไหน่ใจปวดแสน
จำหักใจลาร้างห่างดินแดน
ไม่มีแฟนอกหักไม่ยักตาย....
รักดีดีมีอีกเพียบ
แม้กังวลหม่นหมองต้องจำพราก
รักเขามากเพียงไรใจจำฝืน
เสริมหัวใจด้วยใยเหล็กเพื่อหยัด ยืน
รักอย่างอื่นดีดีมีถมไป
แปรใจรักหักเหทำเฉไฉ
รักต่อไปเช่นเพื่อนยังพอไหว
ปรารถนาดีต่อมิท้อใจ
รักอย่างใหม่หวังดีมีให้กัน
รักพ่อแม่พี่น้องและผองเพื่อน
มิแชเชือนรักชาติศาสนา
รักลูกหลานบ้านเรือนและรถรา
รักมีค่าประเสริฐล้ำเลิศเลอ
รักต้นไม้ใบหญ้ารักป่าเขา
รักโลกเราถิ่นฐานสุขเสมอ
ดุแลรักทุกวันอย่าเผอเรอ
อย่าพร่ำเพ้อรักแต่ตนอับจนใจ...
อกหักเล็กๆ เมื่อรู้สึกว่าอกหัก.....
อัดอั้นตันอุราพาสะท้าน
และแล้วม่านน้ำตาก็พร่าไหล
แม้ยอมรับความจริงซึ้งแก่ใจ
ถึงอย่างไรก็เหน็บเจ็บร้าวทรวง
...เธอคนดีเขาคนดีสมที่รัก
ให้สมัครครองใจไว้ห่วงหวง
ได้ภิรมย์ชมชื่นยามคู่ควง
สุขในห้วงใจสองคล้องสัมพันธ์
ใยปิดบังซ่อนเร้นยังเป็นเพื่อน
ยังเสมือนเดิมก่อนมิแปรผัน
ยังยินดีเสมอแม้จากกัน
ร่วมทางฝันสรรค์สร้างมีร้างลา
แม้เลยกาลนานเนิ่นใครเมินหมาง
จะสะสางเสริมใจให้แน่นหนา
ล้มก็ลุกเจ็บช้ำธรรมดา
ขอเดินหน้ากล้าสู้อยู่ต่อไป..
ดวงดอกไม้
๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ใต้ร่มไทรเป็นร่มธรรมสื่อนำชีวี...... ×××× ณ ลานไทรลานนี้ที่เรียนเล่น ยังงามเด่นยืนต้นเป็นสง่า ศิษย์ทุกคนยามได้แวะเวียนมา จากละอ่อนเติบกล้ายังจดจำ
ณ ลานไทรลานนี้ที่เรียนเล่น ยังงามเด่นยืนต้นเป็นสง่า
ศิษย์ทุกคนยามได้แวะเวียนมา จากละอ่อนเติบกล้ายังจดจำ
ปลูกผักรักสุขภาพ ××××...
อากาศดีไม่มีพิษจิตสดใส
ทำสวนผักนาไร่ใจผ่องศรี
ใช้ปุ๋ยหมักปลูกผักแบบอินทรีย์
ได้ผลดีปลอดภัยไร้ทุกข์จน
ฝึกฝนตนอดทนคนพอเพียง
ปลูกผักหญ้าหาเลี้ยงมีคุณค่า
ตามประสาคนดีมีปัญญา
ไม่รอช้าเราทำไปใจสุขจริง
ปลูกผักรักแผ่นดินได้กินอยู ่
จึงเรียนรู้ธรรมชาติสะอาดใส
พึ่งตนเองฝึกตนจนปลอดภัย
ต่างอาศัยความขยันหมั่นทำกิ น
จึงเรียนรู้ธรรมชาติสะอาดใส
พึ่งตนเองฝึกตนจนปลอดภัย
ต่างอาศัยความขยันหมั่นทำกิ
ไม่ต้องแต่งสวยเลิศเลอ ขอรักเธอแนบแอบอิง อย่าหวั่นไหวนะยอดหญิง ฉันรักสิ่งที่เป็นเธอ
ขอหน้าจริงนะที่รัก
จะฟูมฟักและถนอม
ไม่อยากได้เธอจอมปลอม
ใจฉันพร้อมรับหน้าจริง
ไม่ต้องแต่งสวยเลิศเลอ
ขอรักเธอแนบแอบอิง
อย่าหวั่นไหวนะยอดหญิง
ฉันรักสิ่งที่เป็นเธอ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)